การค้าแข้ง ของ เคร็ก เบลลามี

นอริช ซิตี้

เบลลามี่เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ9ขวบที่สโมสรบริสตอล โรเวอร์สและเซ็นสัญญาเข้ามาอยู่ในทีมชุดเยาวชนของนอริช ซิตี้ โดยเขาเคยไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรแบร็ดฟอร์ด ซิตี้ โดยในระหว่างการทดสอบฝีเท้ากับแบร็ดฟอร์ด ซิตี้นั้น เขายิงไปถึง7ประตูจากการลงทดสอบ3นัด แต่กลับไม่ได้รับการเซ็นสัญญาด้วยเพราะสโมสรให้เหตุผลว่าเขาไม่เหมาะกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

ไฟล์:Bellamynw.jpgแจ้งเกิดกับนอริช ซิตี้

เขาได้รับโอกาสลงเล่นให้นอริช ซิตี้นัดแรก ในเกมส์พบกับคริสตัล พาเลซเมื่อวันที่15 มีนาคม ปี1997 และกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมในฤดูกาล1997-1998 โดยฤดูกาลนั้นเขายิงได้13ประตูจากการลงสนาม38นัด

ฤดูกาล1998-1999 เขาต้องพลาดการลงสนามให้ต้นสังกัดถึง 2เดือนจากอาการบาดเจ็บ เนื่องจากการเข้าปะทะกับกองหลังทีมวูลฟ์แฮมป์ตัน แต่หลังจากที่เขาหายบาดเจ็บกลับมาลงสนาม เขาก็สร้างผลงานได้อย่างดีเมื่อยิงไปถึง17ประตูจากการลงสนาม38นัด

ฤดูกาล1999-2000 เบลลามี่ได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่าในช่วงปรีซีซั่น และกลับมาลงสนามในปลายฤดูกาล และเมื่อจบฤดูกาลนั้นเขาก็ได้รับความสนใจจากหลายๆทีมเช่นนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, เซลติก และสโมสรวิมเบิลดัน(ปัจจุบันคือสโมสรมิลตัน คีย์น ดอนส์) แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาเลือกย้ายไปเล่นให้โคเวนทรี่ ซิตี้ด้วยค่าตัว 6ล้าน5แสนปอนด์ หลังจากที่สโมสรโคเวนทรี่ได้เงินจากการขายร็อบบี้ คีนดาวยิงของทีมให้สโมสรอินเตอร์ มิลานในอิตาลี

ผลงานของเขาที่นอริช ซิตี้เมื่อรวมทุกรายการคือการยิง34ประตูจากการลงสนาม91นัด ทำให้ในปี 2002 เขาได้รับเลือกให้เข้าไปอยู่ในหอเกียรติยศของสโมสรนอริช ซิตี้ จากผลโหวตของแฟนบอล

โคเวนทรี่ ซิตี้

เคร็ก เบลลามี่เริ่มต้นได้ไม่ดีนักที่สโมสรแห่งใหม่เมื่อยิงได้เพียง3ประตู และ2ประตูในจำนวนนั้นมาจากการยิงลูกจุดโทษ หลังจากนั้นมีข่าวลือหนาหูว่าเขาจะย้ายกลับไปเล่นให้นอริชแต่เขาก็ยังอยู่กับทีมต่อไป ฤดูกาลนั้นโคเวนทรี่ต้องหนีตกชั้นและเบลลามี่ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องการย้ายทีมหากโคเวนทรี่ต้องตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชั่น 1 และเมื่อโคเวนทรี่ ซิตี้ต้องตกชั้นเป็นครั้งแรกในรอบ34ปี และเขายิงได้เพียง6ประตูจากการลงสนาม 34นัด เขาจึงย้ายไปเล่นให้ทีมที่ใหญ่กว่าในที่สุด

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

ฤดูกาล2001-2002 เบลลามี่เปิดตัวในฐานะสมาชิกใหม่ของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของเซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน โดยคู่หูในแดนหน้าของเขาคืออลัน เชียเรอร์สุดยอดกองหน้าทีมชาติอังกฤษ

เบลลามี่ยิงประตูในสนามเหย้าของทีมต่อหน้าแฟนบอลเป็นครั้งแรกในเกมส์ที่เอาชนะสโมสรโลเคอเรนจากเบลเยี่ยมไป 1-0 และเขาจบฤดูกาลนั้นด้วยการพาทีมได้อันดับที่4ในลีกและได้โควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า โดยเขาได้รับรางวัล นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ จากผลโหวตของนักฟุตบอลด้วยกันเองอีกด้วย

ไฟล์:Bellamynewc.jpgโด่งดังอย่างมากกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

ต่อมาเบลลามี่เริ่มถูกมองว่ามีปัญหาด้านความประพฤติเมื่อถูกตั้งข้อหาว่าทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าไนท์ คลับในเมืองนิวคาสเซิ่ลโดยก่อนหน้านี้เขาเคยโดนตั้งข้อหาเดียวกันมาแล้วเมื่อถูกตำรวจจับข้อหาทำร้ายร่างกายผู้หญิง2คน ที่หน้าไนท์คลับในเมืองคาร์ดิฟฟ์โดยที่คดียังอยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาล

ฤดูกาลที่2ของเขากับนิวคาสเซิ่ล เขาได้เป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมและยิงคนเดียว2ประตู ในชัยชนะ3-2 ต่อสโมสรเฟเยนูร์ด ร็อตเธอร์ดัมส่งผลให้ทีมเข้าสู่รอบที่2ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่เขาโชคไม่ดีนักเมื่อในเกมส์ต่อมากับอินเตอร์ มิลานเขาถูกไล่ออกจากสนามเพราะไปจงใจเตะใส่มาร์โก มาเตราซซี่กองหลังฝั่งตรงข้ามนอกจากทีมจะแพ้ไป4-1แล้ว เขายังถูกแบนถึง3นัดอีกด้วย

ความประพฤติและการควบคุมอารมณ์ของเบลลามี่ดูเหมือนจะมีปัญหาเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อในเดือนมีนาคม ปี 2004 เขาเขวี้ยงเก้าอี้ใส่จอห์น คาร์เวอร์สตาฟฟ์โค้ชของทีมที่สนามบินนิวคาสเซิ่ล

หลังจากเซอร์บ็อบบี้ ร็อบสันแยกทางกับนิวคาสเซิ่ลในเดือนสิงหาคม ปี 2004 เบลลามี่มีปัญหาส่วนตัวกับแกรม ซูเนสส์กุนซือคนใหม่ของทีมเป็นอย่างมาก และในเดือนมกราคม ปี 2005 เบลลามี่ถูกตัดออกจากทีมในเกมส์พรีเมียร์ลีกนัดพบกับอาร์เซนอล โดยหลังจบเกมส์ซูเนสส์ให้เหตุผลว่าเบลลามี่มีปัญหาอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย แต่มีการเปิดเผยภายหลังว่าการที่เขาถูกตัดออกจากทีมแท้จริงแล้วเป็นเพราะเขายืนกรานไม่ยอมลงเล่นในตำแหน่งกองกลางตามคำสั่งของซูเนสส์

ต่อมาเบลลามี่ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวโดยยืนยันว่าเขายินดีเล่นในทุกตำแหน่ง และยังออกมาตอบโต้แกรม ซูเนสส์อย่างเผ็ดร้อนว่ากุนซือผู้นี้เป็นคนขี้โกหกจากการเอาเหตุผลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ไม่มีอยู่จริงของเขามาอ้างเพื่อตัดเขาออกจากทีม

หลังจากการให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นของเบลลามี่ เขาถูกซูเนสส์เอาคืนด้วยการออกมาประกาศว่าเบลลามี่จะไม่มีวันได้เล่นในสีเสื้อของนิวคาสเซิ่ลอีกต่อไปและเขายังลงโทษปรับเงินค่าเหนื่อยของเบลลามี่อีก2สัปดาห์เป็นเงินถึง8,0000 ปอนด์

กลาสโกว์ เซลติก

เบลลามี ไปเล่นในสก็อตติช พรีเมียร์ลีก กับ เซลติก ในประเทศสก็อตแลนด์ เป็นครั้งแรก

วันที่ 31 มกราคม ปี 2005 เบลลามี่ถูกส่งตัวไปให้สโมสรกลาสโกว์ เซลติก ในสก็อตแลนด์ยืมตัวจนจบฤดูกาล หลังจากเขาปฏิเสธการย้ายไปร่วมทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้ที่เซลติกเขายิงได้ถึง9ประตู และเป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดได้แชมป์สก็อตติช คัพซึ่งจัดว่าเป็นถ้วยรางวัลใบแรกในชีวิตนักฟุตบอลของเขาทีเดียว

ระหว่างการเล่นที่เซลติกเขาได้สร้างวีรกรรมอีกครั้งเมื่อเขารู้ข่าวว่านิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดต้นสังกัดที่แท้จริงแพ้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำให้ตกรอบ4ทีมสุดท้ายในเอฟเอคัพปี2005 เขาก็ได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือไปเยาะเย้ยอลัน เชียเรอร์อดีตเพื่อนร่วมทีมซึ่งเป็นขวัญใจของแฟนบอล โดยข้อความมีเนื้อหาว่า"คุณมันทั้งแก่ และช้าเกินไป"

กลาสโกว์ เซลติกพยายามที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัวเขามาร่วมทีมแบบถาวร แต่ในเดือนกรกฎาคมปี 2005 กลายเป็นแบล็คเบิร์น โรเวอร์สที่สามารถเซ็นสัญญาคว้าตัวเบลลามี่ได้สำเร็จที่ค่าตัว5ล้านปอนด์ ทำให้เขาได้กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

เบลลามี ได้รัยการยกย่องจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ว่า เป็นนักฟุตบอลที่เร็วที่สุดในทีม

เคร็ก เบลลามี่เซ็นสัญญา 4 ปีย้ายไปร่วมทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์สในฤดูกาล 2005-2006 ภายใต้การคุมทีมของมาร์ค ฮิวจ์สซึ่งเคยร่วมงานกันมาแล้วในทีมชาติเวลส์ และเขากลับมาสร้างผลงานได้อย่างสุดยอดเมื่อยิงให้สโมสรรวมทุกรายการถึง 17 ประตู โดยเป็นการยิงในลีก 13 ประตู และพาสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 6 และได้เล่นยูฟ่าคัพในฤดูกาลหน้า และจากผลงานดังกล่าวก็ทำให้เขากลับมาได้รับความสนใจจากทีมใหญ่อีกครั้งแม้จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ก็ตาม

เบลลามี่กลับมาเยือนนิวคาสเซิ่ลอีกครั้งแต่กลับไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีอีกทั้งยังถูกโห่ไล่จากเหตุการณ์ที่เขาส่งข้อความมาเยาะเย้ยอลัน เชียเรอร์ขวัญใจของแฟนบอล โดยตัวแทนของเคร็ก เบลลามี่ได้ออกมาแก้ตัวถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่าเบลลามี่ทำโทรศัพท์หาย และไม่ได้เป็นคนส่งข้อความเช่นว่านั้น

ลิเวอร์พูล

เบลลามี่ตอนอยู่กับ ลิเวอร์พูลในปี ค.ศ. 2006

เดือนมิถุนายน ปี 2006 เริ่มมีข่าวลือแพร่สะพัดอย่างหนักว่าลิเวอร์พูลอยากได้ตัวเบลลามี่มาร่วมทีม และเบลลามี่ก็ได้ออกมาพูดในทำนองว่าคงเป็นเรื่องที่ดีหากตนเองได้เล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง ทำให้หลายฝ่ายมั่นใจว่าเขาจะย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูล

วันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2006 เบลลามี่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะผู้เล่นของลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 6 ล้าน 5 แสนปอนด์ ภายใต้การคุมทีมของราฟาเอล เบนิเตซ และยิงประตูแรกในลีกให้ต้นสังกัดใหม่ได้ในเกมส์พบแบล็คเบิร์น โรเวอร์สสโมสรเดิมของเขาและเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมส์พบวีแกน แอธเลติก ซึ่งทีมเอาชนะได้ 4-0 โดยเขายิงคนเดียว 2 ประตูและจ่ายให้เพื่อนยิงอีก1ประตู และเกมส์นั้นเป็นเกมส์แรกที่เขาเล่นหลังพ้นข้อกล่าวหาในคดีทำรายร่างกายผู้หญิง2คนที่หน้าไนท์คลับ เมืองคาร์ดิฟฟ์ โดยฤดูกาลนั้นเขายิงในลีกให้ลิเวอร์พูล 7 ประตู

แม้ตัวเขาจะย้ายมาลิเวอร์พูลแล้วแต่สงครามระหว่างเขาและนิวคาสเซิ่ลต้นสังกัดเก่าดูเหมือนจะยังไม่จบ เมื่อวันที่ 20 กันยายน ปี 2006 หลังเกมส์ที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะนิวคาสเซิ่ลไปได้ 2-0 เบลลามี่และเทอร์รี่ แม็คเดอม็อตต์ อดีตดาวดังทีมชาติอังกฤษซึ่งเป็นสตาฟฟ์โค้ชของนิวคาสเซิ่ล ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทถึงขั้นสาวหมัดใส่กันในอุโมงค์ที่สนามแอนด์ฟิลด์ก่อนจะมีคนจับทั้งคู่แยกออกจากกัน

และเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตะลึงในช่วงเวลาระหว่างเขาและลิเวอร์พูลนั้นเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2007 ในขณะที่ทีมกำลังเก็บตัวฝึกซ้อมที่โปรตุเกสและมีการสังสรรค์กันที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง เบลลามี่ได้เซ้าซี้ให้ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ กองหลังของทีมแข่งร้องคาราโอเกะ แต่กลับถูกรีเซ่ปฏิเสธและตะคอกใส่จึงทำให้เขารู้สึกเสียหน้า จึงนำไม้กอล์ฟไปฟาดขาของรีเซ่ในสภาพมึนเมาควบคุมสติไม่ได้ เหตุการณ์นั้นทำให้ทั้งคู่ถูกปรับเงินกันคนละ2สัปดาห์ และได้ออกมาขอโทษผู้จัดการและเพื่อนร่วมทีมภายหลัง

เกมส์แรกหลังเหตุการณ์ดังกล่าวลิเวอร์พูลต้องออกไปเยือนบาร์เซโลนา หลังจากเดโก้ยิงประตูให้บาร์เซโลนาขึ้นนำ 1-0 เบลลามี่ก็ยิงประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จและฉลองการทำประตูด้วยท่าสวิงไม้กอล์ฟเป็นการระบายความอัดอั้น หลังจากนั้นเขาก็เป็นคนส่งบอลให้รีเซ่คู่กรณีที่โปรตุเกสยิงประตูชัยพาทีมพลิกชนะ 2-1 และเป็นการยุติความขัดแย้งของทั้งคู่

การที่เขาไม่ใช่ผู้เล่นตัวจริงจึงทำให้ไม่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอและมีปัญหาด้ารการสื่อสารกับราฟาเอล เบนิเตซผู้จัดการทีม เขาจึงตัดสินใจย้ายทีมเมื่อจบฤดูกาล และมีหลายสโมสรสนใจอยากได้ตัวเขาเช่นแอสตันวิลลา,ยูเวนตุส ในที่สุดราฟาเอล เบนิเตซก็ออกมายืนยันว่าเบลลามี่จะย้ายไปร่วมทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 7 ล้าน 5 แสนปอนด์

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

เบลลามี่ตอนอยู่กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

เคร็ก เบลลามี่เปิดตัวในฐานะนักเตะหมายเลข 10 ของเวสต์แฮม ยูไนเต็ดในวันที่ 10 กรกฎาคม ปี2007 ด้วยค่าตัว 7 ล้าน 5 แสนปอนด์ภายใต้สัญญา 5 ปีและยิงประตูแรกให้ต้นสังกัดได้เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2007 ในเกมส์ลีกคัพโดยทีมเอาชนะบริสตอล โรเวอร์สได้ 2-1 จากนั้นเบลลามี่ต้องพบกับอาการบาดเจ็บอย่างหนักในฤดูกาลแรกของเขากับเวสต์แฮม ทำให้ลงสนามได้เพียง 9 นัด และยิงได้ 4 ประตู

เบลลามี่กลับมาลงสนามอีกครั้งในเกมส์นัดที่3ของฤดูกาล 2008-2009 และยิงประตูแรกในรอบ 6 เดือนในนัดที่ชนะแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 4-1 และเป็นประตูที่5ที่เขายิงให้กับทีมในทุกรายการนับแต่ย้ายมาเมื่อปี 2007

ในเดือนมกราคม ปี 2009 ช่วงเปิดตลาดซื้อ-ขายผู้เล่นรอบ 2 เบลลามี่ได้รับความสนใจจากหลายทีม ทั้งท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์รวมถึงแมนเชสเตอร์ซิตี เขาประกาศชัดเจนว่ามีความต้องการจะย้ายออกจากทีม แม้ว่าจิอันฟรังโก้ โซล่าผู้จัดการทีมจะไม่สบอารมณ์นักกับกระแสข่าวการย้ายทีมครั้งนี้ และสโมสรก็ปฏิเสธข้อเสนอของแมนเชสเตอร์ซิตีมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่การยื่นข้อเสนอครั้งที่ 3 ของแมนเชสเตอร์ซิตีที่ไม่เป็นที่เปิดเผยมูลค่า แต่สื่อคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 14 ล้านปอนด์ ก็ทำให้ทีมขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ดยอมปล่อยเขาออกจากทีม

แมนเชสเตอร์ซิตี

เบลลามี่เล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในวัย 29 ปี

เบลลามี่ ย้ายมาสวมเสื้อหมายเลข 39 ของทีมแมนเชสเตอร์ซิตี ในครึ่งหลังของฤดูกาล 2008- 2009 ภายใต้การคุมทีมของมาร์ค ฮิวจ์ส เจ้านายเก่าสมัยเล่นที่สโมสรแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และเขาลงสนามเป็นนัดแรกก็ยิงประตูให้ทีมคว้าชัยชนะได้ทันที โดยเป็นการยิงทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดสโมสรเก่าของเขา เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2009 ในเกมส์พรีเมียร์ลีก

ในฤดูกาล 2009-2010 ประตูแรกของเขาในฤดูกาลนี้เริ่มจากการยิงใส่อาร์เซนอล ในเกมส์ที่เปิดบ้านชนะไป 4-2 เมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 2009 และในสัปดาห์ต่อมาเขาก็ยิงคนเดียวอีกสองประตูที่สนามโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ดในเกมส์แมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมตช์ครั้งที่ 153 แต่ถึงเขาจะยิงได้ 2 ประตูแต่แมนเชสเตอร์ซิตีก็แพ้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไป 4-3 โดยในเกมส์นัดดังกล่าวหลังจากที่ไมเคิ่ล โอเว่น ยิงประตูชัยให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าชัยชนะในช่วงทดเวลาบาดเจ็บได้ แฟนบอลวัย 21 ปีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรายหนึ่งก็กระโดดลงมาป่วนแสดงความดีใจในสนามก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ถึง 4 คนจับตัวเอาไว้ได้ ในขณะนั้นเองเบลลามี่ที่อยู่ในอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่ได้เดินตรงเข้าไปตบแบบกึ่งชกใส่แฟนบอลรายนั้น หลังจบเกมส์เขาได้ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษตักเตือนถึงพฤติกรรมดังกล่าว ส่วนแฟนบอลที่ลงมาสร้างปัญหาถูกศาลห้ามชมเกมส์ในสนามเป็นเวลา 3 ปี

ขณะที่เบลลามี่กำลังทำผลงานได้ดี มาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีมที่นำตัวเขามาร่วมทีม ได้ถูกเจ้าของสโมสรปลดออกจากตำแหน่ง และผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างโรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ให้เขาเป็นตัวสำรองของทีมในทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนั้นเขาก็ยังตัดสินใจที่จะอยู่เล่นกับทีมต่อไป

ภายใต้การคุมทีมของโรแบร์โต้ มันชินี ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยได้ลงเป็นตัวจริง แต่ก็เป็นคนยิง 2 ประตู ในเกมส์พบเชลซีซึ่งเอาชนะไปได้ 4-2 โดย 2 ประตูของเบลลามี่ในเกมส์นั้น ทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะเชลซีได้ถึงสนามแสตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเลยทีเดียว

แมนเชสเตอร์ซิตีจบฤดูกาล 2009-2010 ด้วยอันดับ 5 ได้สิทธิ์เล่นยูโรป้า ลีก ในฤดูกาลหน้า โดยเคร็ก เบลลามี่ยิงไป 10 ประตูในลีก

ฤดูกาล 2010-2011 โรแบร์โต้ มันชินี่ ได้ตัดเคร็ก เบลลามี่ ออกจากรายชื่อนักเตะที่จะใช้ในยูโรป้า ลีก ทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ทีมบ้านเกิดของเขาในลีกเดอะ แชมเปี้ยนชิพด้วยสัญญายืมตัว

คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

ฤดูกาล 2010-2011 เบลลามี่ย้ายมาร่วมทีมคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี โดยเขาลงเล่นที่นี่ภายใต้การคุมทีมของเดฟ โจนส์

ลิเวอร์พูล (ค.ศ. 2011)

เบลลามี่กลับมาอยู่กับลิเวอร์พูลอีกครั้งในปี ค.ศ. 2011

เบลลามี่ได้ย้ายกับอยู่กับ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล อีกครั้งในปี ค.ศ. 2011 โดยได้สวมเสื้อเบอร์ 39 ได้ลงเล่นตัวจริง 32 นัด ทำประตูไปได้ 10 ประตู แล้วในช่วงปี ค.ศ. 2012 เบลลามี่โชว์ฟอร์มเด่นอีกครั้งในนัด ลีกคัพ โดยลิเวอร์พูลได้เจอกับแมนเชสเตอร์ซิตี เบลลามี่ทำประตูไป 2 ลูกติดกันทำให้ลิเวอร์พูลเสมอแมนเชสเตอร์ซิตีไป 2-2 แต่เข้ารอบด้วยรอบแรกลิเวอร์พูลชนะ 1-0 ด้วยกฎประตูทีมเยือน และ ในนัดรอบตัดเชือก เอฟเอคัพ ตอนเจอกับเอฟเวอร์ตันในนาทีที่ 87 เบลลามี่ยิงฟรีคิกจากทางริมเส้นฝั่งซ้ายบอลลอยมาถึง แอนดี้ คาร์โรลล์ หัวหอกทีมชาติอังกฤษ โหม่งเข้าไปจึงทำให้ลิเวอร์พูลชนะเอฟเวอร์ตันไปได้ 2-1